CEM ตรวจเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมร่วมกับฉีดสารทึบรังสี
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 1 ในสตรีทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย และถือเป็นภัยเงียบของผู้หญิงเพราะมักมาโดยไม่มีสัญญาณเตือน การตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์แมมโมแกรม (Digital Mammography) ร่วมกับการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงถ่ายภาพเต้านม (Ultrasound) ยังคงเป็นการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นทางรังสีวิทยาของมะเร็งเต้านม แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น มีการตรวจเต้านมที่สามารถได้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยในการวินิจฉัยในเชิงลึกมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Breast) และ การตรวจเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมร่วมกับฉีดสารทึบรังสี (Contrast Enhanced Mammography: CEM)
การตรวจเต้านมแบบ CEM คืออะไร
การตรวจเอกซเรย์เต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมร่วมกับฉีดสารทึบรังสี (Contrast Enhanced Mammography: CEM) ผ่านการตรวจสอบโดยองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ ค.ศ. 2011 (Food and Drug Administration Approval) มีผลการศึกษาวิจัยรองรับมากมาย และนำมาใช้แพร่หลายในต่างประเทศมากขึ้นในปัจจุบัน โดยใช้หลักการฉีดสารทึบรังสี (Iodinated Contrast Media) และใช้รังสีเอกซเรย์ (X-ray) จากการตรวจด้วยเครื่องแมมโมแกรม (Digital Mammography) โดยใช้เทคนิคเฉพาะแบบสองค่าพลังงาน (Dual Energies) และนำภาพจากทั้งสองค่าพลังงาน (Low Energy, High Energy) ไปประมวลผลสร้างภาพเป็น Recombined Images ที่ทำให้สามารถมองเห็นรอยโรคที่ไวต่อรังสีในเนื้อเยื่อเต้านมที่บ่งชี้ว่าเป็นตำแหน่งที่มีเส้นเลือดไปเลี้ยงผิดปกติหรือมะเร็งเต้านมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยหลักการคล้ายกับการตรวจเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Breast MRI) และมีความถูกต้องชัดเจนมากกว่าเมื่อเทียบกับการตรวจด้วยเครื่องแมมโมแกรมทั่วไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีเนื้อเต้านมหนาแน่น
ข้อบ่งชี้ในการตรวจเต้านมแบบ CEM
- ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเพิ่มเติมในผู้หญิงที่ไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมสูง (Screening for High Risk) เช่น
- มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ เช่น มารดาและพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน
- ตรวจพบยีนในการเกิดมะเร็งเต้านม (BRCA1, BRCA2)
- มีประวัติฉายแสงที่บริเวณทรวงอกตั้งแต่อายุ 10 – 30 ปี
- ตรวจคัดกรองเพิ่มเติมในผู้หญิงที่มีประวัติเนื้อเต้านมหนาแน่นจากการตรวจแมมโมแกรมครั้งก่อน (Supplementation Screening for Women with Dense Breast)
- วินิจฉัย (Diagnosis)
- ประเมินการวางแผนการรักษาก่อนการผ่าตัดในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม (Pre – Surgical Staging of Known Breast Cancer)
- เพิ่มความถูกต้องชัดเจนในการวินิจฉัยโรคเต้านมในรายที่ตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์แล้วไม่สามารถระบุรอยโรคได้แน่ชัด มีความซับซ้อนหรือผลการตรวจไม่อธิบายความผิดปกติที่ผู้ป่วยมี (Inconclusive Findings on Diagnostic Work Up)
- ติดตามผลการรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Assessment of Tumor Response to Chemotherapy)
- ช่วยในการนำทางเจาะชิ้นเนื้อที่พบความผิดปกติของเนื้อเยื่อที่ทึบรังสีภายใต้เครื่องแมมโมแกรมเท่านั้น (CEM Guided Biopsy)
ข้อดีของการตรวจเต้านมแบบ CEM
- เพิ่มความถูกต้องชัดเจนในการตรวจวินิจฉัยหามะเร็งเต้านม
- ประเมินการวางแผนก่อนการผ่าตัดในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ลดอัตราการผ่าตัดซ้ำ
- ลดอัตราการเจาะเต้านมโดยไม่จำเป็น
- ประหยัดเวลาและราคาถูกกว่าการตรวจเต้านมโดยใช้เครื่อง MRI โดยให้ความถูกต้องใกล้เคียงกัน
- สามารถใช้ทดแทนในผู้ป่วยที่ไม่สามารถตรวจด้วยเครื่อง MRI ได้
ข้อจำกัดของการตรวจเต้านมแบบ CEM
- ปริมาณรังสีในการตรวจมากกว่าการตรวจด้วยเครื่องแมมโมแกรมทั่วไป แต่ไม่มากเกินค่ามาตรฐาน
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้สารทึบรังสีได้
- สำหรับผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง แนะนำให้ตรวจค่าเลือดดูการทำงานของไต (Creatinine Level) ภายในระยะเวลา 3 เดือนก่อนนัดตรวจ
- ไม่แนะนำผู้ป่วยที่เสริมเต้านมด้วยซิลิโคน
- ไม่แนะนำให้สตรีมีครรภ์ตรวจ ยกเว้นอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ป่วยที่ให้นมบุตรสามารถทำการตรวจได้โดยอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์และสามารถให้นมบุตรหลังการตรวจได้ภายใน 12 – 24 ชั่วโมง
เตรียมตัวก่อนได้รับสารทึบรังสีตรวจ CEM
- แจ้งประวัติสุขภาพ ได้แก่
- โรคประจำตัว โดยเฉพาะกลุ่มโรคหอบหืด, ภูมิแพ้, ไทรอยด์เป็นพิษ และโรคไต
- ยาที่ใช้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะยา Metformin ที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน
- การแพ้ยาและอาหาร ทั้งนี้การแพ้อาหารทะเลไม่จัดเป็นข้อห้ามในการได้รับสารทึบรังสี
- การได้รับสารทึบรังสี
- ผลข้างเคียงที่เคยเกิดขึ้นจากการตรวจครั้งก่อน
- แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อน ซุป และดื่มน้ำก่อนและหลังการตรวจ
- ห้ามทาโลชั่น, แป้งฝุ่น, น้ำหอม, สเปรย์ระงับกลิ่นตัวที่บริเวณเต้านมและรักแร้ เนื่องจากทำให้ภาพที่ได้มี Artifact ส่งผลต่อการแปลผลของภาพ
- หากเคยตรวจแมมโมแกรมมาก่อน ควรนำผลการตรวจภาพแมมโมแกรมเดิมมาเปรียบเทียบดูการเปลี่ยนแปลง
- หากมีอาการผิดปกติของเต้านมควรแจ้งเจ้าหน้าที่และรังสีแพทย์ที่ทำการตรวจให้ทราบ
การปฏิบัติตัวระหว่างฉีดสารทึบรังสีตรวจ CEM
- พยาบาลผู้ดูแลทำการเปิดเส้นเลือดที่แขนหรือมือก่อนฉีดสารทึบรังสีให้กับผู้ป่วยผ่านเครื่องอัตโนมัติ (Injector)
- ขณะได้รับสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือด ผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกไม่สบายตัว ร้อนวูบวาบ หรือคลื่นไส้เล็กน้อย ซึ่งจะเป็นชั่วคราวและหายไปได้เองในเวลาไม่กี่นาที
- ภายใน 2 นาทีหลังจากผู้ป่วยได้รับการฉีดสารทึบรังสีแล้ว นักเทคนิครังสีการแพทย์จะทำการจัดท่าถ่ายเอกซเรย์แมมโมแกรม โดยใช้เทคนิค Dual Energies ได้ภาพของเต้านมทั้งสองข้างเพื่อให้รังสีแพทย์แปลผล
ดูแลหลังการตรวจ CEM
- กรณีที่รังสีแพทย์พบจุดน่าสงสัย อาจมีการถ่ายภาพเอกซเรย์หรือตรวจอัลตราซาวนด์เพิ่มเติม รวมถึงพิจารณาเจาะชิ้นเนื้อในรายที่พบความผิดปกติ
- หลังจากเสร็จกระบวนการตรวจและได้รับผลการตรวจ พยาบาลจะทำการถอดสายที่เปิดเส้นเลือดไว้เพื่อดูอาการและทำแผลก่อนให้ผู้ป่วยกลับบ้าน
สังเกตอาการแพ้สารทึบรังสี
หากมีอาการแพ้สารทึบรังสีดังต่อไปนี้ควรรีบแจ้งพยาบาลหรือแพทย์ผู้ดูแลเพื่อประเมินอาการผู้ป่วยได้ทันท่วงที
- อาการแพ้แบบฉับพลัน ปัจจุบันอาการแพ้สารทึบรังสีพบน้อยและมักเป็นอาการแพ้แบบเฉียบพลันเกิดภายใน 1 ชั่วโมง เช่น มีผื่นขึ้นตามตัว, คันตามผิวหนัง, เคืองตา, น้ำมูกไหล ฯลฯ
- อาการแพ้รุนแรง พบน้อยมากเพียงร้อยละ 0.04 เช่น หน้าหรือตัวบวม, หายใจลำบาก, หัวใจเต้นเร็ว, หอบเหนื่อยมากขึ้น, ความดันโลหิตต่ำ หรือวูบหมดสติ ฯลฯ
โรงพยาบาลที่ชำนาญการตรวจเต้านม
โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มีศูนย์เต้านมที่พร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางและเครื่องมือที่ทันสมัย ตลอดจนทีมสหสาขาที่มากด้วยประสบการณ์ พร้อมให้การตรวจเต้านมอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจในผลการตรวจ และให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพราะมะเร็งเต้านม ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งเพิ่มโอกาสหายขาด และลดโอกาสเป็นซ้ำในอนาคต
แพทย์ที่ชำนาญการตรวจเต้านม
พญ.ขวัญสกุล บุญศรารักษพงศ์ รังสีแพทย์ผู้ชำนาญการตรวจภาพวินิจฉัยภาพเต้านม ศูนย์เต้านม โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ
สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง
แพ็กเกจตรวจเต้านม
แพ็กเกจตรวจเต้านม ราคาเริ่มต้นที่ 5,500 บาท