ข้อเท็จจริงมะเร็งปอด

  • จากข้อมูลทางสถิติในปัจจุบันของทั่วโลก พบว่า โรคมะเร็งปอดเป็นโรคที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตที่สูงที่สุดของมะเร็งทุกชนิด เนื่องจากเวลาที่ตรวจพบโรค ผู้ป่วยเกินครึ่งจะอยู่ในระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ แล้ว โอกาสหายขาดน้อยมาก ในทางกลับกันผู้ป่วยมะเร็งปอดน้อยกว่า 20% จะพบในระยะที่ 1 ซึ่งเป็นระยะที่มีโอกาสหายสูง

ชนิดของมะเร็งปอด

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non – Small Cell Lung Cancer) หรือ NSCLC คือ มะเร็งปอดที่พบบ่อยที่สุดแบ่งเป็นชนิดย่อย ได้แก่
    • มะเร็งปอดชนิด Adenocarcinoma คือ มะเร็งปอดชนิดที่ตรวจเจอบ่อยที่สุดของโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กที่มีจุดเริ่มต้นบริเวณด้านผิวปอด มักเกิดในหลอดลมและถุงลมปอด พบได้ทั้งผู้ที่สูบบุหรี่และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ที่น่าสนใจคือมักพบในคนเอเชีย เพศหญิง พบได้ในคนอายุน้อยถึง 30 – 40 ปี
    • มะเร็งปอดชนิด Squamous Cell Carcinoma คือ โรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กที่มีจุดเริ่มต้นบริเวณกลางปอด ใกล้หลอดลมขั้วปอด พบมากในผู้ที่สูบบุหรี่
    • มะเร็งปอดชนิด Large Cell Tumor คือ โรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็กที่เกิดได้ทุกที่ในปอดและแพร่กระจายเร็ว
  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer) หรือ SCLC คือ มะเร็งปอดที่มีแนวโน้มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

มะเร็งปอดเกิดจากอะไร

มะเร็งปอดเกิดจากเซลล์ส่วนใดส่วนหนึ่งในปอดมีความผิดปกติและเติบโตรวดเร็วจนกลายเป็นก้อนเนื้อร้าย โรคมะเร็งปอดสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก

  • การสูบบุหรี่ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี่
  • การได้รับมลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PM 2.5
  • สัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น ยูเรเนียม แร่ใยหิน เป็นต้น
  • ได้รับสารพิษและมลพิษ เช่น ก๊าซเรดอน สารหนู โครเมียม นิกเกิล ฯลฯ
  • ยีนกลายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EGFR Mutation พบได้สูงถึง 60% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในเอเชีย

กลุ่มเสี่ยงมะเร็งปอด

มะเร็งปอด

ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group)

ประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group) จาก NLST ต้องมีข้อกำหนดทั้ง 3 ข้อ ดังนี้

  1. อายุ 55 ถึง 74 ปี
  2. กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 30 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (หรือเท่ากับ 30 pack-year)** ยกตัวอย่างเช่น
    • สูบบุหรี่มา 15 ปี เฉลี่ยวันละ 2 ซอง
    • สูบบุหรี่มา 30 ปี เฉลี่ยวันละ 1 ซอง
    • สูบบุหรี่มา 20 ปี เฉลี่ยวันละ 1 ซองครึ่ง
      ** จำนวน pack-year คือ จำนวนปีที่สูบ X จำนวนซองบุหรี่ที่สูบต่อวัน
  3. หยุดสูบบุหรี่มาไม่เกิน 15 ปี
  4. มีประวัติมะเร็งปอดในครอบครัว

นอกเหนือจากการสูบบุหรี่แล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลจาก NLST เพิ่มเติม พบว่ามีตัวแปรอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่

  • อายุ
  • เพศ
  • เชื้อชาติ
  • น้ำหนักและส่วนสูง
  • ระดับการศึกษา
  • ประวัติมะเร็งปอดของครอบครัว ประวัติมะเร็งอื่นของผู้คัดกรอง รวมถึงประวัติการเป็นถุงลมโป่งพอง

ประชากรที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง

ประชากรที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง คือ กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (20 pack – year) หรือมีความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น มีบุคคลอื่นในครอบครัวสูบ (Second – Hand Smoker) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น ธูป ฝุ่นละออง ควัน เป็นต้น ในปัจจุบันยังไม่มีข้อแนะนำให้คัดกรองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ แต่กำลังมีการศึกษาในประชากรกลุ่มนี้ ซึ่งทำให้ข้อแนะนำอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอด

ธูป

มะเร็งปอด

ควันจากธูปนั้นแตกต่างกับบุหรี่ โดยที่ธูปนั้นเป็นผลกระทบโดยอ้อมคล้ายกับผู้ได้รับบุหรี่มือสอง (Second – Hand Smoker) ส่วนบุหรี่นั้นเป็นการสูบเข้าปอดโดยตรง ทำให้การวัดปริมาณการได้รับทำได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามมีการศึกษาในประเทศจีนในสัตว์ทดลองหรือการเก็บข้อมูลย้อนหลังในประชากรพบว่า การได้รับควันธูปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีผลกระทบกับเนื้อเยื่อปอดและอาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งในอนาคตได้ ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งปอด เช่น มีประวัติมะเร็งปอดในครอบครัว เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันจากธูปหนาแน่นหรือใส่หน้ากากที่กรองอนุภาคขนาดเล็กได้


ฝุ่นละอองควัน 2.5 (PM 2.5)

มะเร็งปอด

ฝุ่นละอองควัน (Particulate Matter หรือ PM) 2.5 คือ สสารที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เกิดจากควันรถ การเผาไหม้ สถานที่มีการก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งมักพบในเมืองใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา เช่น กรุงเทพ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ การวัดความหนาแน่นจะใช้ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index, AQI) สารเหล่านี้เมื่อเข้าไปในหลอดลมของสิ่งมีชีวิตจะก่อให้เกิดการระคาย ตามด้วยการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด ส่งผลกระทบต่อคนที่มีโรคปอดอักเสบ โรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งโรคมะเร็งปอดได้ มีการศึกษาจำนวนมากจากประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา พบว่า มีผลต่อการเกิดมะเร็งปอดและการเสียชีวิตจากมะเร็งปอด ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาที่ PM 2.5 มากกว่าเกณฑ์ในตาราง ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือหากจำเป็นต้องออกนอกอาคารต้องใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองควัน


ที่มา : http://aqicn.org/city/bangkok/


บุหรี่ไฟฟ้า

มะเร็งปอด

บุหรี่ไฟฟ้า (Electronic Cigarettes, E – Cigarettes) นั้นมีส่วนประกอบหลักคือ นิโคติน และผสมด้วยตัวทำละลาย (Propylene Glycol) กลิ่น และรสต่าง มีจุดประสงค์คือ ลดการใช้บุหรี่ที่มีส่วนผสมของสารพิษคือ สารหนู (Arsenic) ตะกั่ว (Lead) และอื่น ๆ อีกมากมาย ยังไม่มีการศึกษาโดยตรงที่ทดสอบการเกิดมะเร็งปอดกับ E – Cigarettes แต่มีการศึกษาว่า การใช้ E – Cigarettes ก่อให้เกิดการอักเสบกับทางเดินหายใจได้ ถึงแม้ว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่แล้วน้อยกว่ามาก อย่างไรก็ตามมีความกังวลสำหรับการที่มีผลเสียน้อยกว่าบุหรี่ของ  E – Cigarettes ทำให้ประชากรวัยรุ่นตัดสินใจลองใช้ได้ง่ายขึ้นและนำไปสู่การใช้สารเสพติดอื่นในอนาคต

อาการของมะเร็งปอด

ความน่ากลัวของโรคมะเร็งปอดคือในระยะที่ 1 และ 2 คนไข้เกือบทั้งหมดยังไม่มีอาการ เมื่อไรที่คนไข้มีอาการโดยส่วนใหญ่ก็เป็นระยะลุกลามหรือระยะที่ 3 หรือ 4 แล้ว

โดยอาการโรคมะเร็งปอดที่พบบ่อย ได้แก่

  • ไอเรื้อรังมากกว่า 2 สัปดาห์
  • ไอมีเสมหะหรือเลือดปน
  • หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
  • เสียงเปลี่ยน เสียงแหบ
  • เจ็บบริเวณหลังและหน้าอก
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • น้ำหนักลดแบบไม่มีสาเหตุ

ระยะของโรคมะเร็งปอด

มะเร็งปอด

ระยะของโรคมะเร็งปอดแบ่งตามตำแหน่งเซลล์มะเร็งและการแพร่กระจายออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่

  • ระยะที่ 1 มะเร็งปอดระยะแรก พบเฉพาะที่บริเวณเนื้อปอด ขนาดไม่ถึง 4 เซนติเมตรและไม่มีการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นใด มักไม่แสดงอาการผิดปกติ
  • ระยะที่ 2 มะเร็งปอดระยะนี้มีขนาดใหญ่กว่า 4 เซนติเมตร หรือแพร่กระจายเข้าไปบริเวณต่อมน้ำเหลืองในเนื้อปอดแต่ยังไม่ผ่านขั้วปอด
  • ระยะที่ 3 มะเร็งปอดระยะ 3 เป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามไปอวัยวะอื่น ๆ ในช่องอก หรือมีการแพร่กระจายผ่านต่อมน้ำเหลืองขั้วปอดไปยังต่อมน้ำเหลืองกลางหน้าอก
  • ระยะที่ 4 มะเร็งปอดระยะ 4 อาการมะเร็งปอดระยะสุดท้ายจะมีความรุนแรง แพร่กระจายไปอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น ช่องอก ช่องหัวใจ ตับ กระดูก สมอง เป็นต้น

ตรวจมะเร็งปอด

มะเร็งปอด

  • มีการศึกษามากมายในอดีตเกี่ยวกับการคัดกรองมะเร็งปอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เสมหะหาเซลล์มะเร็ง (Sputum Cytology) และเอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray) แต่จากการศึกษาเหล่านั้นไม่สามารถแสดงถึงการช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้จากการคัดกรองด้วยวิธีดังกล่าว เนื่องจากเอกซเรย์ปอดนั้นไม่สามารถค้นพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นที่เป็นแค่ฝ้าในปอด (Subsolid Nodule / Ground Glass Nodule) เพราะความละเอียดไม่เพียงพอ ดังนั้นถึงแม้ว่าตรวจเอกซเรย์ปอดแล้วไม่เจอจุดในปอด (Lung Nodule) แพทย์จึงไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่า ไม่มีมะเร็งปอด ในทางกลับกันอาจทำให้ผู้รับการตรวจเข้าใจผิดไปว่าตนเองไม่มีโรคมะเร็งปอด ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียในภายหลังได้
  • มีการศึกษาในปี 2011 มีการตีพิมพ์ผลงานของ National Lung Screening Trial1 (NLST) ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่คัดกรองในประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk Group)” แสดงให้เห็นว่า การใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest) เป็นตัวคัดกรอง เมื่อเทียบกับเอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray) โดยทำการตรวจปีละครั้ง ผลคือลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนถึง 20% เนื่องจากผลการศึกษามีนัยสำคัญทางสถิติมาก
  • ปัจจุบันสมาคมแพทย์ทั่วโลก เช่น NCCN (National Comprehensive Cancer Network)  ASCO (American Society of Clinical Oncology) และ ACCP  (American College of Chest Physicians) ได้แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest)

มะเร็งปอดรักษายังไง

วิธีรักษามะเร็งปอดมี 3 วิธี ได้แก่

  1. ผ่าตัดมะเร็งปอด ใช้ในการรักษามะเร็งปอดระยะที่ 1 และ มะเร็งปอดระยะที่ 2 เป็นหลัก ส่วนในมะเร็งปอดระยะที่ 3 และมะเร็งปอดระยะที่ 4 อาจเป็นการรักษาร่วมกับเคมีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือฉายแสง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์เฉพาะทางมะเร็งเป็นสำคัญ
  2. การใช้ยา แบ่งเป็นเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยาภูมิคุ้มกันบำบัด มักใช้ในการรักษามะเร็งปอดระยะที่ 2 ถึงมะเร็งปอดระยะที่ 4 เป็นหลัก ส่วนในมะเร็งปอดระยะที่ 1 แพทย์เฉพาะทางมะเร็งจะพิจารณาเป็นกรณีไป
  3. ฉายแสง แพทย์เฉพาะทางมะเร็งอาจพิจารณาใช้ในการรักษามะเร็งปอดระยะที่ 3 ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย

ป้องกันมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอดวิธีป้องกันที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

  • งดสูบบุหรี่ เลี่ยงอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่
  • อย่าอยู่ในที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  • ออกกำลังสม่ำเสมอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี
  • สังเกตความผิดปกติ หากมีอาการพบแพทย์ทันที

โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษามะเร็งปอดที่ไหนดี

ศูนย์มะเร็งเฉพาะโรค โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ พร้อมด้วยแพทย์เฉพาะทางมะเร็งที่มีความชำนาญและมากด้วยประสบการณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมให้การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดและหมอรักษามะเร็งปอดจะเลือกวิธีการรักษามะเร็งปอดที่เหมาะกับระยะของโรคในแต่ละบุคคล ดูแลยารักษามะเร็งปอดที่เหมาะสม ตลอดจนมีทีมสหสาขาคอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

แพทย์ที่ชำนาญการรักษามะเร็งปอด

นพ.ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยแพทย์ทรวงอก ชำนาญการผ่าตัดโรคปอดและโรคในช่องอก โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง ราคาเริ่มต้นที่ 6,500 บาท

ดูราคาแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคมะเร็งคลิกที่นี่

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์มะเร็งเฉพาะโรค โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ

โทร. 0 2755 1188 (สายด่วนมะเร็ง 8:00 . – 20:00 .)
หรือ โทร. 0 2310 3000
หรือ โทร.
1719