มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ข้อเท็จจริง

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในต่อมน้ำเหลืองและเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำเหลืองของร่างกาย เช่น ม้าม ต่อมทอนซิล ต่อมไทมัส และไขกระดูก
  • หน้าที่ปกติของระบบน้ำเหลือง คือ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายในการต่อสู้กับโรคติดเชื้อ โดยมีเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดสำคัญในระบบดังกล่าว ดังนั้นหากการทำงานของเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์และระบบน้ำเหลืองผิดปกติไปจนเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง จึงทำผู้ป่วยมีอาการต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ โต รวมไปถึงภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายขึ้นกว่าคนปกติ
  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังสามารถพบได้ในอวัยวะอื่นนอกเหนือจากต่อมน้ำเหลือง เช่น ตับ ผิวหนัง สมอง กระเพาะอาหาร เป็นต้น

ชนิดของมะเร็ง

ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถแบ่งได้ 2 ชนิดหลัก โดยการตรวจทางพยาธิวิทยาและการย้อมสีพิเศษเพื่อจำแนกชนิดของมะเร็ง ซึ่งมีความจำเป็นในการวางแผนการรักษา

  1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non – Hodgkin’s Lymphoma) ซึ่งสามารถแบ่งชนิดหลักต่อเป็นชนิด B – Cell หรือ T – Cell  อย่างไรก็ตามปัจจุบันมะเร็งชนิดนี้สามารถจำแนกชนิดอย่างละเอียดได้มากกว่า 30 ชนิด มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ Diffuse Large B – Cell Lymphoma นอกจากนั้นยังสามารถจำแนกมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non – Hodgkin’s Lymphoma) ตามลักษณะการดำเนินของโรคได้แก่ ชนิดค่อยเป็นค่อยไป (Indolent Lymphoma) และชนิดรุนแรง (Aggressive Lymphoma) ซึ่งแนวเป้าหมายและแนวทางการรักษาจะแตกต่างกันไป
  2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin’s Lymphoma) พบได้น้อยกว่าชนิดที่ไม่ใช่ฮอดจ์กิน และมักพบตำแหน่งต่อมน้ำเหลืองโตเป็นที่แถวลำคอหรือในช่องอก สามารถวินิจฉัยได้จากการพบเซลล์ผิดปกติชื่อ รีดสเตนเทิร์นเบิร์ก (Reed – Sternberg Cell) จากต่อมน้ำเหลืองที่ผิดปกติ มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย โดยมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่า

ปัจจัยเสี่ยง

  • ติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น ไวรัส HIV, แบคทีเรีย H.pylori ฯลฯ
  • โรคภูมิแพ้ตนเองบางชนิด
  • ภูมิต้านทานโรคต่ำ
  • สัมผัสสารเคมี

อาการ

  • พบก้อนโตเร็วและไม่เจ็บบริเวณต่าง ๆ เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ
  • ไข้
  • หนาวสั่น
  • ไอเรื้อรัง
  • หายใจไม่สะดวก
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
  • ปวดท้อง
  • ท้องเสียเรื้อรัง
  • เหงื่อออกง่ายตอนกลางคืน
  • ต่อมทอนซิลโต
  • ปวดศีรษะ (จากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท)

การตรวจวินิจฉัย

  • การตัดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ
  • การเอกซเรย์
  • การเจาะไขกระดูก

การบำบัดรักษา

  • การใช้ยาเคมีบำบัด
  • การใช้รังสีรักษา
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก
  • การใช้แอนติบอดี

การป้องกัน

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกหมู่
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • เลี่ยงการสัมผัสสารเคมี รังสี และมลพิษ
  • ตรวจสุขภาพทุกปี
  • รักษาสุขภาพใจ ไม่เครียด