เพทซีที
ศูนย์เพทซีทีวัฒโนสถ พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและประเมินแนวทางการรักษาโรคมะเร็งให้ถูกทางและสอดคล้องกับระยะของโรค ด้วยเทคโนโลยีจากเครื่องเพทซีที สแกน PET/CT Scan (Positron Emission Tomography) ช่วยวินิจฉัยการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในระดับชีวเคมีที่อาจไม่พบจากการตรวจชนิดอื่น สามารถประเมินผลตอบสนองต่อการรักษา ทำให้การกำหนดระยะของโรคมีความชัดเจน และสามารถตรวจการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้เร็วขึ้น เพื่อรักษาได้อย่างทันท่วงที
- เครื่องเพทซีทีระบบใหม่ ซึ่งมีความละเอียดสูงและใช้เวลาสั้นในการตรวจ
- ทีมแพทย์ผู้อ่าน 2 ท่านโดยแยกอ่านผลซีที (คอมพิวเตอร์สแกน) และเพท (การแสดงออกอนุภาคโพซิตรอน) นำมาซึ่งการวินิจฉัยที่ถูกต้องชัดเจน
- การตรวจวินิจฉัยและประเมินการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิด
- การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติที่ทำให้เกิดโรคทางสมอง เช่น โรคความจำเสื่อม โรคลมชัก โรคพาร์กินสัน ฯลฯ
- เครื่องเพทซีที สแกน (PET/CT Scan) พร้อมระบบ Flow Motion ช่วยให้การสแกนทำได้อย่างต่อเนื่องในเวลาที่สั้นลง ให้รายละเอียดภาพที่คมชัดในทุกอวัยวะ ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่อึดอัด
- ห้องปฏิบัติการสำหรับผลิตสารเภสัชรังสีที่ใช้ในการตรวจหาโรคมะเร็งและโรคทางสมองด้วยเครื่องเพททีซี สแกน (PET/CT Scan)
- เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography) สามารถตรวจพบความผิดปกติระดับกายภาพ ใช้ร่วมกับ เครื่องเพทซีที สแกน (PET/CT Scan) เพื่อให้ผลการตรวจถูกต้อง และสามารถตรวจการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้
- การใช้สารเภสัชรังสีชนิดใหม่ร่วมกับเครื่องเพทซีที สแกน (PET/CT Scan) สำหรับตรวจหามะเร็งบางชนิดที่อาจยังมีข้อจำกัดในการตรวจด้วยเครื่องเพทซีที สแกน (PET/CT Scan) เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งสมอง ฯลฯ นอกจากนี้สารเภสัชรังสียังสามารถใช้ตรวจความผิดปกติที่ก่อให้เกิดโรคทางสมอง อาทิ โรคความจำเสื่อม โรคลมชัก ฯลฯ
ข้อควรระวังสำหรับผู้รับการตรวจที่ตั้งครรภ์และผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การตรวจด้วยเครื่องเพทซีที สแกน (PET/CT Scan) สตรีที่ตั้งครรภ์ต้องได้รับการประเมินผลดีและผลเสียอย่างละเอียดกับแพทย์ก่อนเข้ารับการตรวจ สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำเป็นต้องมีการปรับยาเบาหวานที่รับประทานอยู่เล็กน้อยก่อนเข้ารับการตรวจ
การเตรียมตัวในเบื้องต้นสำหรับผู้เข้ารับการตรวจทั่วไป
- งดอาหารและน้ำทุกชนิดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการตรวจ
- ในเช้าของวันที่จะเข้ารับการตรวจ ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ควรเกิน 200 mg/dL