BRACHYTHERAPY
Share
วิธีการรักษาด้วยรังสีระยะใกล้ Brachytherapy ได้แก่
- Mold คือการวางอิริเดียม-192 ในแผ่นพลาสติกที่มีรูปร่างต่าง ๆ ตามก้อนมะเร็ง ใช้รักษามะเร็งที่ผิว
- Intracavitary Therapy คือ การใส่อิริเดียม-192 เข้าไปในเครื่องมือ ซึ่งจะถูกใส่เข้าไปในบริเวณช่องหรือโพรงต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ปากมดลูก ทวาร เป็นต้น
- Intraluminal Therapy คือ การใส่อิริเดียม-192 เข้าไปในท่อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สามารถใส่ท่อลงไปได้ เช่น ปอด หลอดอาหาร เป็นต้น
- Interstitial Implant คือ การใส่อิริเดียม-192 เข้าไปในก้อนมะเร็ง หรือในเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างก้อนมะเร็ง วิธีนี้จะใช้ในการรักษาพวกมะเร็งช่องปากและบริเวณที่อยู่ใกล้ผิว
ปัจจุบันเทคนิคการรักษาแบบนี้ได้พัฒนาโดยใช้สารกัมมันตรังสีขนาดเล็ก จึงทำให้เครื่องมือที่ใช้มีขนาดเล็กและสามารถวางแผนการรักษาแบบ 3 มิติ ซึ่งทำให้ได้การรักษาที่ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้น และการรักษายังใช้ระยะเวลารักษาไม่นาน ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล เมื่อรักษาเสร็จสามารถกลับบ้านได้
ข้อบ่งชี้การตรวจ
การรักษาด้วยรังสีระยะใกล้ Brachytherapy สามารถใช้กับมะเร็งต่าง ๆ ดังนี้
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งเยื่อบุมดลูก
- มะเร็งที่ลิ้น
- มะเร็งลำไส้ใหญ่
- มะเร็งสมอง
- มะเร็งรังไข่
- มะเร็งโพรงมดลูก
- มะเร็งหลอดอาหาร
- มะเร็งปอด
- มะเร็งเต้านม
ข้อดีของการรักษา
การรักษาวิธีนี้เป็นการรักษาที่ใช้รังสีเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ต้องการรักษาโดยตรง ทำให้ได้รับรังสีปริมาณมากและอวัยวะใกล้เคียงอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้รับรังสีน้อยลง และสามารถใช้เป็นการรักษาร่วมกับการฉายรังสีจากภายนอกได้
ทางเลือกอื่นในการรักษา
- การรักษาที่ใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น
- การผ่าตัด
เตรียมตัวก่อนใส่แร่
- เย็นก่อนวันนัด แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม
- เช้าวันนัดใส่แร่ แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม
- มาถึงโรงพยาบาลตามเวลานัดหมาย หรือมาก่อนเวลานัดประมาณ 30 นาที
- กรุณาพาญาติมาด้วยทุกครั้ง
การใส่แร่
- การใส่แร่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา โดยแพทย์จะใส่เครื่องมือในช่องคลอด และ/หรือโพรงมดลูก จากนั้นจะเอกซเรย์เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของเครื่องมือ เมื่อเครื่องมืออยู่ในตำแหน่งที่ต้องการจึงจะมีการใส่แร่เข้าไปในเครื่องมือ
- ในระหว่างการใส่แร่ ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวตลอดเวลา และไม่ควรกังวลมากเกินไปในขณะใส่แร่ เพื่อให้การใส่แร่ไม่ลำบากและลดความเจ็บปวดของผู้ป่วย
- หลังใส่เครื่องมือเรียบร้อยแล้วต้องมีการคำนวณปริมาณรังสีโดยเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อความถูกต้อง เมื่อคำนวณเรียบร้อยจึงเริ่มทำการรักษา โดยการใส่แร่เข้าไปในเครื่องมือซึ่งใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที
- เมื่อครบเวลาการรักษา เครื่องคอมพิวเตอร์จะนำแร่ออกจากคนไข้โดยอัตโนมัติ แล้วแพทย์จะนำเครื่องมือออกอีกครั้ง ดังนั้นผู้ป่วยจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีแร่ติดตัวกลับไป
- จำนวนครั้งในการใส่แร่ของผู้ป่วยแต่ละรายอยู่ที่ประมาณ 2 – 5 ครั้ง สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับโรคของผู้ป่วย และการวินิจฉัยของแพทย์ผู้รักษาเป็นสำคัญ ดังนั้นควรมาใส่แร่ตามคำแนะนำของแพทย์ให้ครบ เพื่อประโยชน์ในการรักษาที่ดีที่สุดของผู้ป่วย
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหลังใส่แร่
ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
- วันหลังใส่แร่ห้ามสวนล้างช่องคลอด
- ห้ามมีเพศสัมพันธ์
- ห้ามยกของหนักเกิน 2 – 3 กิโลกรัมขึ้นไป
- สังเกตตนเอง ถ้ามีเลือดติดกางเกงในเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเลือดออกมาก ๆ จนชุ่มผ้าปิดแผล แนะนำให้มาพบแพทย์
- ทานอาหารตามปกติ
- หลังใส่แร่จะมีปวดหน่วงท้องน้อยเล็กน้อย สามารถทานยาพาราเซตามอลได้
- ถ้ามีแสบขัดเวลาปัสสาวะให้ดื่มน้ำมาก ๆ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นให้มาพบแพทย์
ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูก
- ให้สังเกตว่ามีเลือดออกไหม
- หลังใส่แร่อาจมีน้ำมูกใส ๆ ได้
- ห้ามแคะจมูกเพราะจะทำให้เลือดออก
- ถ้ามีเลือดออกมากให้มาพบแพทย์ทันที
ผลข้างเคียงจากการรักษา
เนื่องจากแร่มีพลังงานสูง ดังนั้นห้องรักษาต้องเป็นห้องปิดที่มีเครื่องกั้นรังสี โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- อาจมีอาการไข้ต่ำ ๆ หลังการใส่แร่
- อาการปวดท้องบริเวณที่ใส่แร่
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน
- อาจมีอาการเลือดออกหลังการใส่แร่